วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

WEB 2.0

Web 2.0 vs. Traditional Web
            “Web1.0” เป็นเว็บสมัยดั้งเดิม เป็นเว็บที่อยู่ในสมัยยุคแรกที่ Internet เป็นเว็บไซต์ที่นำเสนอข้อมูล ข่าวสาร ความรู้ด้านต่างๆ ที่เราอยากรู้ ซึ่งจะส่งเนื้อหาต่างๆ ขึ้นหน้าจอคอมพิวเตอร์แต่เพียงอย่างเดียวเพื่อนำเสนอผู้ที่มาเข้าชม ถือว่าเป็นการสื่อสารทางเดียว (One-way Communication) เพราะไม่มีการตอบรับจากผู้ที่ได้รับข้อมูล นอกจากนี้ Content มักเป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของเว็บ ที่ไม่ต้องการให้นำไปลงที่อื่น
            "Web 2.0" เป็นการใช้งาน "Internet" ที่เปลี่ยนไป คือ เป็นสังคม "Network" ที่ผู้ใช้ Internet มีส่วนร่วม โดยไม่ยึดติดกับตัวซอฟต์แวร์เหมือนระบบคอมพิวเตอร์ที่ผ่านมา ข้อมูลเกิดจากผู้ใช้หลายคน เช่น บล็อก Youtube เป็นต้น ซึ่งสามารถสร้างโดยผู้ใช้ที่อิสระ และแยกจากกันภายใต้ซอฟต์แวร์ตัวเดียวกัน เพื่อสรรค์สร้างระบบให้ก่อเกิดประโยชน์ในองค์รวม เช่น ให้แปะ Code สั้นๆ แล้วนำคลิปไปฉายในเว็บใดก็ได้ หรือ Blog แทบทุกแห่งก็มี RSS ให้ผู้อ่านเข้าดูผ่านโปรแกรมอื่นๆ หรือเว็บอื่นๆ ได้ 

Web 2.0 Characteristics
   ลักษณะเนื้อหามีการแบ่งส่วนบนหน้าเพจเปลี่ยนจากข้อมูลก้อนใหญ่มาเป็นก้อนเล็ก
   ผู้ใช้สามารถเข้ามาจัดการเนื้อหาบนหน้าเว็บได้และสามารถแบ่งปันเนื้อหาที่ผ่านการจัดการให้กับกลุ่มคน
ในโลกออนไลน์ได้ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นปรากฏการณ์อย่างหนึ่งของสังคมออนไลน์สังคมออนไลน์
   เนื้อหาจะมีการจัดเรียง จัดกลุ่มมากขึ้นไปกว่าเดิม
   เกิดโมเดลทางธุรกิจที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น และทำให้ธุรกิจเว็บไซต์กลายเป็นธุรกิจที่มีมูลค่ามหาศาล
   การบริการ คือ เว็บที่มีลักษณะเด่นในการให้บริการหลาย ๆ เว็บไซต์ที่มีแนวทางเดียวกัน

Example of Web 2.0
-Google Adsense ระบบโฆษณาเป็นลิงค์ตามแต่คำที่ผู้ใช้ค้นหา 
-flickr.com เว็บอัลบั้มเก็บและแชร์รูปออนไลน์ที่มีการโยงใยเป็นชุมชน ส่งต่อรูปกันง่าย 
-BitTorrent ระบบที่ผู้ใช้ต่างก็ดาวน์โหลดไฟล์จากกันและกันเอง 
-wikipedia.com เว็บสารานุกรมที่ผู้ใช้บัญญัติคำกันเอง ให้ความหมายกันเอง และแก้ไขคำของคนอื่น
ได้ตลอดเวลา 
-Blog เขียนง่าย ใส่รูป เสียง คลิปได้ง่ายๆ เหมือนส่งเมล เผยแพร่ส่งต่อได้กว้างขวาง 

Social Media
   Social Media แตกต่างจาก Media อื่นๆ เช่น หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ วิทยุ เนื่องจากมีการเชื่อมโยงกับ
เครื่องมือสื่อสารที่มีต้นทุนถูก ใช้งานง่ายและสะดวก ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารต่างๆได้อย่างรวดเร็ว เพราะเป็นการแชร์ข้อมูลกันเองในโลก Network ซึ่งการที่มี Social Media ทำให้สื่อรูปแบบเดิมมีบทบาทน้อยลง
Example of Social Media
-Video Sharing เช่น Youtube
-Social Network เช่น Facebook Second-life
-Micro Blog เช่น Twitter
-การแชร์อัลบั้มรูป เช่น Flickr
-เว็บbookmark ต่างๆ เช่น Digg
-Voting การนำ Social Media มาใช้ในการสร้างกระแสทางการเมือง

ข้อดี
1.     ทำให้เกิด communities ขึ้นในอินเตอร์เน็ต ซึ่งทำให้เกิดประโยชน์ในด้านต่างๆ เช่น ทางการค้า, การเเลกเปลี่ยนข้อมูล, การนำมาใช้ในการโฆษณา
2.     องค์กรสามารถนำ Social Network มาใช้ เพื่อให้เกิดปฏิสัมพันธ์ระหว่างพนักงานและผู้บริหารระดับสูง หรือเพื่อให้พนักงานสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูล ซึ่งทำให้เกิดการเรียนรู้พัฒนาทักษะของตนเอง หรือการใช้
ในการติดต่อกับลูกค้า
3.     สร้างรูปแบบการทำงานแบบใหม่ คือ พนักงานสามารถทำงานที่บ้านได้ ซึ่งส่งผลให้พนักงานมีความพึงพอใจ
กับงานมากขึ้น ประหยัดเวลาในการเดินทาง และช่วยลดการใช้ทรัพยากร
4.     สามารถติดตามข่าวสารต่างๆได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากสื่อ Social Media เป็นสื่อที่ทุกคนในสังคมสามารถ
เข้ามาแชร์ข้อมูลกันได้
5.     องค์กรสามารถนำเทคโนโลยี IT มาสร้างความโปร่งใสให้แก่องค์กรได้ โดยเฉพาะทางด้านการบัญชี

ข้อเสีย
1.     โลกออนไลน์เป็น Fantasy World คือ ทุกคนสามารถสร้างตัวตนที่ตัวเองต้องการได้ ทำให้ข้อมูลที่อยู่บนโลก
ออนไลน์อาจเป็นสิ่งที่ไม่ใช่ความจริง
2.     การละเมิดสิทธิส่วนบุคคล เนื่องจากการที่มีสื่อที่เป็น Social Network จำนวนมาก ดังนั้นข้อมูลต่างๆ
ส่วนบุคคลอาจกลายเป็นข้อมูลสาธารณะไป เช่น ในบางบริษัท HR มีการเข้าไปดู Profile ของพนักงานตาม Facebook ซึ่งจะมีข้อมูลส่วนบุคคลของเรา 
3.     การใช้สื่อออนไลน์เพื่อทำในสิ่งที่ผิดกฎหมายต่างๆ เช่น การล้วงข้อมูลบัตรประชาชนเพื่อนำไปทำ
ธุรกรรมทางการเงิน
4.     วัฒนธรรมได้รับการบิดเบือน หรือทำลายวัฒนธรรมที่ดีดั้งเดิม เช่น การที่คนไทยนำวัฒนธรรมของชาวตะวันตก
เข้ามาใช้โดยที่ไม่ได้ผ่านการกลั่นกรองอย่างดีก่อน ทำให้เกิดกระเเสทางวัฒนธรรมที่ไม่ดี เช่น การนำระบบ Social Network มาใช้ในการวิจารณ์หรือสร้างกระแสที่บิดเบือนจากความเป็นจริง
5.     ความสัมพันธ์ทางสังคมลดน้อยลง คือ การที่มี Social Media ทำให้คนบางกลุ่มไม่ต้องการที่จะออกจากบ้าน ซึ่งในระยะยาวจะก่อผลเสียต่าง เช่น เป็นคนเก็บตัว ไม่ค่อยมีเพื่อนพูดคุย ไม่เข้าสังคม
6.     อันตรายต่อสุขภาพ เช่น โรค Office syndrome

Spam
            คือ การส่งอีเมลที่มีข้อความโฆษณาไปให้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้รับ สแปมส่วนใหญ่ทำเพื่อการโฆษณา
เชิงพาณิชย์ มักจะเป็นสินค้าที่น่าสงสัย หรือการเสนองานที่ทำให้รายได้อย่างรวดเร็ว หรือบริการที่ก้ำกึ่งผิดกฏหมาย ผู้ส่งจะเสียค่าใช้จ่ายในการส่งไม่มากนัก แต่ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่จะตกอยู่กับผู้รับอีเมลล์

ตัวอย่างการนำเทคโนโลยีมาใช้ในด้านอื่นๆ
ทางการแพทย์
   การสร้างหุ่นยนต์ใช้ในทางการแพทย์ โดยพยายามลดการใช้มนุษย์ให้น้อยลง เพราะเชื่อว่าเทคโนโลยีน่าจะมีความเเม่นยำมากกว่า
   การนำ Social Media มาใช้ในการหาข้อมูลเกี่ยวกับการรักษา หรือการดูแลสุขภาพ
เช่น บริษัท Nike มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในรองเท้ากีฬา เพื่อช่วยให้ผู้วิ่งสามารถรู้
ปริมาณเเคลอรี่ที่เผาผลาญไปได้ และรู้ระยะทางในขณะที่วิ่ง

ทางการทหาร
            เช่น ในสหรัฐอเมริกามีการลงทุนในการพัฒนาหุ่นยนต์เพื่อนำมาใช้ในการทหารเป็นจำนวนมาก


อ้างอิง
http://www.colorpack.net/host-articles/cms-web-tip/what-is-apam.html
http://www.slideshare.net/tiddin/social-media-social-networking

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น